Somatosensory function in boy with ADHD and Tactile defensiveness
การตอบสนองของระบบการรับความรู้สึกทั่วไปในเด็กสมาธิสั้น
และภาวะหลีกหนีการสัมผัส
การปรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (Sensory Modulation) คือ ความสามารถในการควบคุม และจัดระเบียบทั้ง ระดับความเข้ม และการตอบสนองตามธรรมชาติ ของการรับความรู้สึก โดยการปรับระดับ และปรับเปลี่ยนสิ่งเร้าความรู้สึกให้เกิดการตอบสนองอย่างเหมาะสม
ความผิดปกติในการปรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (Sensory Modulation Disorder : SMD) เป็นความผิดปกติเฉพาะบุคคลที่แสดงให้เห็นการตอบสนองที่เกินจริง (การหลีกหนี และต่อต้าน) หรือการตอบสนองที่ไม่เหมาะสมต่อการรับความรู้สึก เป็นความผิดปกติที่เป็นผลมาจากการประมวลผลของระบบรับความรู้สึก ประกอบด้วย ระบบการรับสัมผัส การรับรู้การทรงตัว การได้ยิน การได้กลิ่น ความสามารถในการประมวลผลการรับความรู้สึกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ประสิทธิภาพของการประสานสัมพันธ์กันระหว่างร่างกาย สภาพแวดล้อม และความสามารถที่เหมาะสม และการทำกิจวัตรประจำวัน
ความบกพร่องในการปรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (Sensory Modulation Deficits : SMDs) เป็นคำจำกัดความที่องค์กรสุขภาพโลก (World Health Organizing : WHO) ใช้เพื่อระบุปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความบกพร่องนี้ที่เป็นอุปสรรคในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของเด็ก และภาวะหลีกหนีการสัมผัสก็เป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของความผิดปกติในการประปรับรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (SMD) ที่อยู่ในมุมมองของงานวิจัยนี้
วัตถุประสงค์การวิจัย
การศึกษานี้ต้องการที่จะทดสอบความบกพร่องในการทำงานของการรับความรู้สึกทั่วไป ในเด็กที่มีสมาธิสั้น และภาวะหลีกหนีการสัมผัส
กระบวนการวิจัย
กลุ่มศึกษาประกอบด้วยเด็กจำนวน 127 คน ที่มีอายุระหว่าง 5 – 11 ปี ถูกทำการทดสอบ เพื่อแยกกลุ่มศึกษาโดยสามารถแยกออกเป็น 1.กลุ่มเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์ว่ามีสมาธิสั้น ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีภาวการณ์หลีกหนีการสัมผัสร่วมด้วย และกลุ่มที่ไม่มีภาวการณ์หลีกหนีการสัมผัสร่วม จำนวน 67 คน และ 2. กลุ่มควบคุม ประกอบด้วยเด็กปกติจำนวน 60 คน
เครื่องมือที่ใช้ทำการทดสอบประกอบด้วย
1. แบบสอบถามการประเมินระบบการสัมผัสสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน (Touch inventory for preschool : TIP) เพื่อคัดแยกเด็กที่มีการรับสัมผัสที่ไวมากกว่าปกติ
2. การวัดการตอบสนองของการรับความรู้สึก (Sensory reaction score) เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างเด็กที่มี และไม่มีภาวการณ์หลีกหนีการสัมผัส
3. การทดสอบการประมวลผลการรับความรู้สึก และการเคลื่อนไหว (Sensory Integration and Praxis Test : SIP ) เป็นเครื่องมือมาตรฐานใช้ประเมินการประมวลผลการรับความรู้สึกของเด็ก ประกอบด้วยการทดสอบย่อย 5 หัวข้อ ประกอบด้วย Finger identification, Graphesthesia, localization of tactile stimulation, manual form perception และ kinesthesia
4. การนำศักย์ไฟฟ้าของระบบประสาทการรับความรู้สึกทั่วไป (Somatosensory evoke potential : SEP) โดยทำการบันทึกการนำกระแสประสาทของเส้นประสาท Median nerve บริเวณข้อมือ ขณะที่เด็กดูการ์ตูนจากจอแสดงผล
ผลการวิจัย
กลุ่มเด็กสมาธิสั้นที่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัส และกลุ่มสมาธิสั้นที่ไม่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัส พบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างการทดสอบระดับการตอบสนอง และการรับรู้ (Threshold and Perceptual test scores) ยกเว้น การทดสอบ การแยกแยะการสัมผัสของนิ้ว (Finger identification) กลุ่มเด็กสมาธิสั้นที่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัสจากการทดสอบการนำศักย์ไฟฟ้าของระบบประสาทการรับความรู้สึกทั่วไป (Somatosensory evoke potential : SEP) พบค่าแอมพิจูดที่สูง เมื่อเทียบกับกลุ่มเด็กสมาธิสั้นที่ไม่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัส
สรุปผลการวิจัย
กลุ่มเด็กสมาธิสั้นที่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัส มีความเกี่ยวข้องกับการประมวลผลส่วนกลางของข้อมูลของระบบการรับความรู้สึกทั่วไป (Somatosensory information) เด็กที่มีภาวะหลีกหนีการสัมผัสมีการตอบสนองของการรับความรู้สึกทั่วไปที่แตกต่างไปจากการตอบสนองของเด็กปกติ และพบความเกี่ยวข้องระหว่างความผิดปกติในการปรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (Sensory modulation disorder) กับ ความผิดปกติของการประมวลผลของระบบประสาทส่วนกลาง ในกลุ่มประชากรเพศชาย พบข้อมูลที่สนับสนุนว่าเด็กมีภาวะหลีกหนีการสัมผัส คือ เอกลักษณ์ที่ไม่สามารถแยกแยะได้ ซึ่งสามารถระบุได้โดยการตอบสนองทางสรีรวิทยาจากการกระตุ้นการรับความรู้สึกทั่วไป พบข้อมูลที่สอดคล้องกันว่าภาวะหลีกหนีการสัมผัส และความผิดปกติในการปรับระดับสิ่งเร้าความรู้สึก (Sensory modulation disorder) มีความเกี่ยวข้องกับการถูกขัดขวางของการยับยั้งระบบประสาท ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาวะหลีกหนีการสัมผัส ที่พบมากในกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ของเด็กสมาธิสั้น (46/67) อาจเกี่ยวเนื่องกับการพบ Central hypoperfusion (การไหลเวียนของเลือดในสมองที่ต่ำกว่าระดับปกติ) กรณีศึกษาเด็กสมาธิสั้น จำนวน 3 คน ได้รับการอธิบายถึงประโยชน์ของการให้ Valproate (EVA) ในเด็กที่พบอาการทางคลินิก และการมีลดลงของ Giant SEPs เนื่องจาก EVA ใช้เพื่อควบคุมระดับความเหมาะสมของ aminobutyric acid (GABAergic agent) และ Primary inhibitation transmitter ในระบบประสาทส่วนกลาง
S. Parush , H. Sohmor , A. Steinberg , M. Kaitz
Elsevier, Physiology & Behavior journal ฉบับที่ 90 ปี 2007, 553-558.
แปลและเรียนเรียงโดย Mind Brain & Body Child Development Center